ลิเวอร์พูล บุกไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม 2-3 จอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลคาราบาวคัพ หมดสิทธิ์เข้าไปป้องกันแชมป์ ที่พวกเขาได้มาในฤดูกาลที่แล้ว เรามาคุยถึง 4 ประเด็นของทัพ “หงส์แดง” ที่เกิดขึ้นในเกมนี้
ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ค่อนข้างเป็นรอง
ลิเวอร์พูล จัดทีมแบบไม่เต็มสูบเท่าไหร่ เยอร์เกนย์ คล็อปป์ ยังไม่กล้าใช้งาน เวอร์กิน ฟาน ไดค์ ที่พึ่งกลับมาจากฟุตบอลโลก ทำให้แนวรับอ่อนกำลังลงไปอย่างชัดเจน ขณะที่แผงมิดฟิลด์ ธิอาโก้ ต้องประสานงานกับสองดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ กับ สเตฟาน บายเซติซ
ซึ่งนั่นมันคนละเรื่องกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ใช้แผงกลางชุดหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ , โรดี้ และ อิลกาย กุนโดกัน ซึ่งแค่แผงมิดฟิลด์ก็สู้ไม่ไหวแล้ว
ดาร์วิน นูนเญซ ขาดความเด็ดขาดในการจบสกอร์
เอาล่ะ เมื่อแผงมิดฟิลด์สู้ไม่ได้ โอกาสยิงประตูของ ลิเวอร์พูล ก็ต้องมีน้อยเป็นธรรมดา แต่ก็ใช่ว่าไม่มีโอกาส ซึ่งเกมนี้พวกเขามีโอกาสยิง 7 ครั้ง (แมนฯ ซิตี้ 17 ครั้ง) โดยที่ ดาร์วิน นูนเญซ มีโอกาสยิงมากที่สุดในทีม 4 ครั้ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้เลย แต่ผลงานของกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยไม่ถือว่าแย่ แต่การมี 1 แอสซิสต์ ยังไม่เพียงพอสำหรับเกมนี้
เกมรับที่ต้องปรับปรุง แนวรุกที่ไม่มีตัวแบก
เกมนี้แนวรับ ลิเวอร์พูล รับมือเกมบุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เลย โดยเกมบุกที่หลากหลายของฝั่งตรงข้าม ทำเกมรับที่ขาด เวอร์กิล ฟาน ไดค์ ปั่นป่วน ซึ่งความจริงอาจจะโดนมากกว่านี้ หากไม่มีเซฟของผู้รักษาประตูสำรองอย่าง คาลอิมฮิน เคลเลเฮอร์
ส่วนแนวรุกถึงจะยิงได้ 2 สกอร์ แต่ฟอร์มของ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ที่ดูหวือหวา แต่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงแรก พอโดนจับทางได้ก็ช่วยอะไรทีมได้ไม่มากนัก ขณะที่ โม ซาลาห์ ถึงแม้จะมีสกอร์ แต่ฟอร์มโดยรวมต้องบอกว่าแย่กว่า ดาร์วิน นูยเญซ กับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ซะอีก
ขาด เวอร์กิล ฟาน ไดค์ เหมือนขาดใจ
แนวรับของ ลิเวอร์พูล ที่ใช้ โจเอล มาติป จับคู่กับ โจ โกเมซ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค เอาล่ะพวกเขาต่างเคยเป็นคู่หูของ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ ซึ่งก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี ช่วยงานกองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ได้มาก แต่พอมาจับคู่กันเอง กลับเละไม่เป็นท่า ซึ่ง 3 สกอร์ที่โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงในนัดนี้ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแนวรับที่ไม่มี ฟาน ไดค์ แย่แค่ไหน
สิ่งที่น่าสนใจ :: ข่าวกีฬาวันนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น